มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวัน ประเทศไทย

Satjarthip Thusneyapan มากราบนมัสการ “พระบรมสารีริกธาตุ” และพระพุทธรูป “ปางอุ้มบาตร” ประดิษฐานใน “สุวรรณ์เจดีย์” ที่ “วัดทัศนารุณสุนทริการาม” (หรือ “วัดตะพาน” สามเหลี่ยมดินแดง เขตราชเทวี กรุงเทพฯ) - พระบรมสารีริกธาตุ ประดิษฐานในผอบเจดีย์ บนบาตรของพระพุทธรูป “ปางอุ้มบาตร” - มีบทสวดคำบูชา “พระบรมสารีริกธาตุ” “พระบรมสารีริกธาตุ และ พระอรหันตธาตุ” และ “คำขอขมาพระรัตนตรัย” - เป็นอาคาร 8 เหลี่ยมขนาดเล็ก ผนังกระเบื้องสีน้ำตาล - ยอดเป็นเจดีย์ทรงระฆังสีทอง มีซุ้มพระพุทธรูป 4 ทิศ มีพานพุ่มรองเจดีย์สีเขียวขนาดเล็กล้อมองค์เจดีย์ - ซุ้มประตู และหน้าต่าง เป็นลายไทยนูนสีทอง บานประตูประดับมุก - ผนังหลังพระพุทธรูป ตกแต่งด้วยลายปูนปั้นรูป เทวดา บันไดพญานาคสู่สวรรค์ - ฝั่งตรงข้ามเป็น “วิหารหลวงพ่อโต” ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ อายุกว่า 700 ปี บันทึกภาพ: เช้าวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2567, 8:59-9:14 น. สุวรรณ์เจดีย์ วัดทัศนารุณสุนทริการาม (วัดตะพาน) แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 13°4542.5"N 100°3239.7"E (13.761806, 100.544361) , altitude 8.2 m. Post: Jan 29, 2025, 6:05 AM.

Suporn Kulwatnantachai วัดเก่าแก่ขนาดใหญ่พอควร​ มีพระเครื่องที่มี​ชื่อเสียงคือพระชัยวัฒน์​ พระครูสอน เดิมชื่อว่าวัดบางกะสัน​ เพราะตั้งอยู่​บริเวณคลองบางกะสัน​ สร้างขึ้นเมื่อสมัยรัชกาลที่​ 3​ ต่อมาทางราชการสร้างสถานีรถไฟ​มักกะสันขึ้น​ จึงเรียกชื่อเป็น​วัดมักกะสัน​ ต่อมาสมัยรัชกาลที่​ 8​ ได้มีผู้มีจิตศรัทธา​นามว่าดิสและสา ร่วมกันบริจาคทรัพย์​บูรณะ​ปฏิสังขรณ์​วัด​ จึงได้เป​ลี่ยน​ชื่อวัดมาเป็นวัดดิสหงษาราม​ วัดแห่งนี้เคยใช้เป็นที่ประหารชีวิต​ เช่นในสมัยรัชกา​ลที่​ 4​ ได้ประหารขุนสุวรรณ​กับเจ้าจอมช้อย​ ข้อหาเป็นชู้กัน​ วัดตั้งอยู่​ริม​คลอง​แสนแสบฝั่งทิศเหนือ​ บนถนน​เพชร​บุรี​ตัด​ใหม่​ หากมาจากแยกมักกะสัน​วัดอยู่ทางซ้ายมือ​ เลยโรงเรียนดิสหงษาราม​ เมื่อเข้าวัดเป็นลานจอดรถ​ ด้านซ้ายมือจะเห็นพระอุโบสถ​อยู่หลังกำแพงแก้ว เป็นแบบ​ขนบ​เดิม​ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ ​หันหน้าไปทางทิศตะวันออก​ กำลังบูรณะ​อยู่ไม่เปิดให้เข้า​ มีใบเสมาอยู่ในซุ้มโค้งสี่เหลี่ยม​ 8 ทิศ​ มุมทั้ง​ 4 มีเจดีย์​ย่อมุม​ไม้​สิบสอง​ทรงเครื่อง ถัดไปเป็นศาลาการเปรียญสองชั้น​แบบขนบเดิม​ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบัน​มีลายพฤกษา​ หันหน้า​ไป​ทางทิศ​เหนือ​ สู่ถนน​ เลยไปท้ายวัดมีวิหาร​ เป็นอาคารคล้ายบ้าน​ 2 ชั้น​ ด้านขวามือตรงข้ามพระอุโบสถ​เป็น​ศูนย์สาธารณะ​สุข​ ติดกับศาลาธรรมโรจน์​พินิจ​ อาคารแบบไทยประยุกต์​ เมื่อสัปดาห์​ก่อนผมได้มาไหว้พระเก้าวัดแถบยานนาวา​ วันนี้ผมมาไหว้พระต่อแถบคลองเตยเอกมัย​ เริ่มจากวัดช่องลม​ วัดคลอง​เตยใน​ วัดคลองเตยนอก​ วัด​บุญรอด​ วัดธาตุทอง​ วัดภาษี​ วัดใหม่ช่องลมและ​วัดอุทัยธาราม​ ก่อนมาวัดมักกะสันเป็นวัด​ที่เก้าครับ

Suporn Kulwatnantachai วัดโบราณขนาดใหญ่พอควร​ ชาวบ้านเรียกว่าวัดนอก​ หรือวัดปากคลอง​ อันเนื่องจากอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตรงปากคลองราษฎร์​บูรณะประวัติว่าเริ่มสร้างวัดประมาณ​ พ.ศ.2310 สมัยอยุธยา​ตอนปลาย​โดยมีชาย​ 3 คนพี่น้อง​ คือ​ นายสวน​ ทัด​ และทองเป็นผู้สร้างวัด​ ผมเชื่อว่าน่าจะสร้างสมัยกรุงธนบุรี​หลังสงครามสงบแล้ว​ ชื่อของวัดได้รับการเอ่ยถึงในโคลงนิราศ​ชุมพร​ สมัยรัชกา​ลที่​ 1​ แต่ระบุชื่อวัดว่าวัดราชบูรณะ​ เป็นไปได้ว่าวัดได้รับการบูรณะขึ้นโดยกษัตริย์​ หรือพระ​บรมวงศ์​ศานุวงศ์​ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อ​ วัดตั้งอยู่​ริม​คลอง​ราษฎร์​บูรณะ​ฝั่งตะวันตก​ บนถนนราษฎร์​บูรณะ​ ตรงข้ามถนนราษฎร​์พัฒนา​ เมื่อเข้าวัดเป็นด้านหลังจะเป็นเขตฌาปนสถาน​ เลยไปขวามือจะเห็น​พระอุโบสถ​ แบบ​ขนบ​เดิม​ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบัน​มี​รูป​พระพรหมยืนบนช้างเอราวัณ​หันหน้า​ไป​ทางทิศ​ตะวันออก​ เสาสี่หลี่ยม​ หัวเสามีบัวแวง ประตู​และ​หน้าต่าง​มี​ซุ้ม​ปราสาท​ ระหว่าง​ประตู​หน้า​มี​พระนาคปรก​ทรงเครื่อง​ ฐานยังมีชื่อพระพุทธ​ศิลา​ พระ​พุทธ​รูป​ศิลาแลงที่ขุดพบใต้ฐานพระประธานในพระอุโบสถหลัง​เก่า​ ซึ่งมีฐานโค้งสำเภาแบบอยุธยา​มีประตูเข้าทางเดียวที่เรียกว่ามหาอุด​ แต่ได้ถูกรื้อสร้างใหม่ในปี​ พ.ศ.2538​ ​ปัจจุบันพระพุทธ​ศิลาประดิษฐาน​อยู่​ในวิหารพระ​พุทธ​ศิลา​ อยู่ตรงข้ามด้านหลังพระอุโบสถ​ ไม่ได้เปิดให้เข้า​ เมื่อ​ 2 ปีก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้​ในพระอุโบสถ​ ปัจจุบัน​ได้รับการบูรณะจนกลับมาเหมือนเดิม​ ไม่ได้เปิดให้เข้า ใบเสมา​อยู่ใน​ซุ้ม​โค้งเสมา​ 8 ทิศ​ ไม่ปรากฎ​โบราณสถานใดๆ ย้อนกลับไปที่ฌาปนสถาน​มีศาลาประดิษฐาน​หลวงพ่อโสธรจำลอง​ มีพระศรีอริยเมตไต​รย​ถือตาลปัตร​แว่นแก้ว​ ข้างซ้ายมีหลวงปูทวด​ ข้างขวามีหลวงพ่อโต​ เมื่อ​ 2 สัปดาห์​ก่อนผมได้มาไหว้พระ​ 9 วัดแถบดาวคะนอง​ วันนี้ผมมาไหว้พระต่อแถบราษฎร์​บูรณะ​ เริ่มจา​กวัด​สน​ และวัดแจงร้อน​ ก่อนมาวัดราษฎร์​บูรณะ​ แล้วจะไปวัดประเสริฐ​​สุทธาวาส​ครับ

Suporn Kulwatnantachai วัดโบราณขนาดใหญ่​พอควร​ เดิมชื่อว่าวัดพลา​หรือ​พารา​ บ้างก็ว่าชื่อ​หงษ์​ร่อน​ ไม่ทราบนามและประวัติ​ผู้สร้าง​ มีเรื่องเล่าว่า​ขณะ​กำลังสร้าง​วัด​มี​หงส์​ตัว​หนึ่ง​บิน​ร่อ​นมา​อยู่​เหนือ​บริเวณ​วัด​ และ​หน้า​อุโบสถ​หลัง​เก่า​มี​เสา​คู่​หนึ่ง​ด้านหน้า​ ​ยอด​เสา​เป็นรูป​หงส์​กางปีก​ ส่วน​ชื่อ​แจง​ร้อน​ บ้าง​ว่า​เพี้ยน​มาจาก​แจง​ร้อย​บ้าง​ แร้งร่อน​บ้าง​ ผมว่ามาจากแจงลอนที่เป็นอาหารพื้นบ้าน​แถบ​ชายทะเลซึ่งสอดคล้องรูป​ปู​ปล​าที่​ซุ้ม​หน้าต่างพระอุโบสถ​ สันนิษฐาน​ว่าสร้างวัดขึ้นอยุธยา​ตอนต้น​ วัดตั้งอยู่​ริม​แม่น้ำเจ้าพระยา​ บริเวณ​ปากคลองแจงร้อน​ สุดซอยราษฎร​์บูรณะ​ 37​ ซอยแคบทางโค้งบางช่วงรถสวน​ไม่ได้​ เมื่อเข้าวัดซ้ายมือ​จะเห็นพระวิหาร​ คล้ายแบบพระราชนิยมสมัย​รัชกา​ลที่​ 3​ อันที่จริงเป็นแบบวิลันดา​ ที่ได้รับอิทธิพล​จากศิลปะตะวันตก​ ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยสมเด็จพระนารายณ์​ จุดเด่นคือไม่มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบันลายปูนปั้นมีกระหนกผักกาดแบบฝรั่ง​ มีรูปครุฑ​ยุดนาคเหนือเทพพนม​ หันหน้า​ไป​ทางทิศ​ตะวันออก​ มีเฉพาะประตู​หน้า​ไม่มีประตูหลังและหน้าต่าง​ ไม่มีเสา​ อาศัยกำแพงหนารับน้ำหนักเครื่องบน​ แบบสมัยอยุธยา​ตอนต้น​ มีพระประธาน​ 2 องค์​ชุดข้างหน้ามีหลวงพ่อหินแดง​ พระปางสมาธิหิน​ทรายแดงลงรักปิดทอง​ศิลปะอู่ทอง​ ถือเป็นพระพุทธ​รูป​เก่าแก่ที่สุดเท่าที่พบในกรุงเทพ ​มีอายุราว​ 600 ปี​ มีพระอัครสาวก​ยืน​ 2​ ข้าง​ ​ข้างหน้า​มีพระขนาดรอง​ 5 องค์​ 3 ตรงกลาง 3 องค์​เป็นพระพุทธ​รูปทรงเครื่อง ชุดข้างหลังมีพระพุทธ​รูปทรงเครื่องปางสมาธิ​องค์​ใหญ่​ สวมมงกุฎ​ทรงเทริด​เป็นพระประธาน​ มีพระขนาดรองเรียงล้อมรอบแบบสมัยอยุธยา​ตอนปลาย​ มีพระอัครสาวก​ยืน​ 2​ ข้าง​ ตั้งอยู่บนฐานชุกชีเดียวกันทั้ง 2 ชุด​ แต่ผมคาดว่าพระชุดหลังน่าจะสร้างขึ้นพร้อมกับการปฏิสังขรณ์​พระวิหารในสมัยสมเด็จนารายณ์​ ด้านหน้าพระวิหารเป็นพระอุโบสถ​ อาจเป็นพระอุโบสถ​หลังที่​ 4 หรือ​ 5 ที่ได้สร้างขึ้นมาบนที่เดียวกัน​ พระอุโบสถ​ปัจจุบัน​สร้างสมัยรัชกา​ลที่​ 6 โดยหลวงพ่อจวนเป็นผู้ดำริสร้างขึ้น เป็นแบบขนบเดิม​ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หน้าบัน​มีรูป​ดอกพุดตาน​ หันหน้า​ไปทาง​ทิศ​ตะวันออก​สู่​แม่น้ำ​ เสาสี่เหลี่ยม​ หัวเสามีบัวแวง​ ประตู​และ​หน้าต่าง​มี​ซุ้ม​ปูนปั้น​ มีพระปางมารวิชัย​เป็น​พระประธาน​ ผนังด้านหลังมีภาพพระพุทธ​ฉาย​พร้อมพนะอัครสาวก​ยืน​ 2​ ข้าง​ ทั้งพระอุโบสถ​และพระวิหารจะเปิดเฉพาะวันพระ​ ใบเสมาอยู่ใน​ซุ้ม​จตุร​มุข​ยอด​เจดีย์​ 8​ ทิศ​ มี​เจดีย์​ย่อมุม​ไม้​สิบสอง​สีทองที่กำแพงแก้วทั้ง​ 4 มุม​ หน้าพระอุโบสถ​มีพระปางห้ามญาติอยู่กลางสวนป่าร่มรื่น​ เลยไปบริเวณศาลาท่าน้ำ​ยังมีป่าชายเลน​ ซึ่งหาดูได้ยากในกรุงเทพ​ เห็นวิวสะพานพระราม​ 9 คู่กับสะพานทศมราชชันอยู่ด้านหลัง​ เมื่อ​ 2 สัปดาห์​ก่อนผมได้มาไหว้พระ​ 9 วัด​แถบดาวคะนอง​ วันนี้ผมมาไหว้พระต่อแถบราษฎร์​บูรณะ​ เริ่มจากวัดสน​ ก่อนทะลุมาวัดแจงร้อน​ แล้วจะไปต่อวัดราษฎร์​บูรณะ​ครับ

Suporn Kulwatnantachai วัด​เก่าแก่​ขนาด​ใหญ่​พอควร​ แต่เดิมบริเวณนี้มีต้นสนอยู่มาก​ จึงได้ชื่อว่าวัดต้นสน​ ต่อมาชาวบ้านเรียกสั้นๆ​ ว่าวัดสน​ ไม่ทราบนามผู้สร้างและประวัติ​ วัดสร้างขึ้นสมัยรัชกาล​ที่​ 4​ จากการสันนิษฐาน​อุโบสถ​หลังเดิมที่รื้อถอน​เมื่อสมัยรัชกา​ลที่​6 วัดตั้งอยู่​ริมคลองแจงร้อนฝั่งใต้​ สุดซอยสุขสวัสดิ์​ 35 เมื่อเข้าวัดจากลานจอดรถจะเห็นด้านหลังพระอุโบสถ​​แบบ​ขนบ​เดิม​ มี​ช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ หันหน้า​ไป​ทางทิศ​ตะวันออก​ เสาสี่เหลี่ยม​ หัวเสามีบัวแวง​ ประตู​และ​หน้าต่าง​มี​ซุ้ม​ปูนปั้น​ มีพระปางมารวิชัย​ 3 องค์​ โดยองค์ประธานสร้างขึ้นในสมัยรัชกา​ลที่​ 6 ส่วนอีก​2 องค์​เป็นพระพุทธ​รูป​เก่าตั้งแต่อุโบสถ​หลังเดืม ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง​เรื่องพุทธประวัติ​และทศชาดก​ ใบเสมาอยู่ในซุ้ม​โค้งกูบช้าง​ 8 ทิศ​ ​หน้ากำแพงแก้วด้านขวา มีบันได​พญานาคทอดขึ้นไปข้างบนศาลาการเปรียญหลังใหม่​ มีศาลาจตุรมุข​ยอดมณฑป​สีขาว​ มีช่อฟ้า​ใบระกา​หางหงส์​ ประดิษฐาน​หลวงพ่อ​โสธร​จำลอง​ มุมทั้ง​ 4 มีศาลาทรงไทยสีขาว​ ประดิษฐาน​หลวงพ่อวัดบ้านแหลม​ หลวงพ่อโต​วัดบางพลีใหญ่​ใน หลวงพ่อทอง​วัดเขาตะเครา​ และหลวงพ่อวัดไร่ขิง​ จากด้านบนมองลงมาข้างหน้า​ ด้านซ้ายจะเห็นพระอุโบสถ​ ด้านขวาจะเห็นศาลาการเปรียญ เป็นศาลาไม้สักอายุมากกว่าร้อยปี​ ข้างหลังด้านซ้ายจะเห็นสะพานพระราม​ 9 คู่กับสะพานทศมราชัน​ ที่ช่วงนี้จัดงานสุขเต็มสิบ​ และกำลังจะเปิดใช้​งาน​ เมื่อ​ 2​สัปดาห์ก่อนผมได้มาไหว้พระ​ 9 วัดแถบสำเหร่​ ดาวคะนอง​ วันนี้ผมมาไหว้พระต่อแถบราษฎร์​บูรณะ​ เริ่มจากวัดสน​ แล้วทะลุออกซอยราษฎร์​บูรณะ​ 44 ไปต่อวัดแจงร้อนครับ